ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 15 ก.ค.66 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2/2566 ของพรรคเสรีรวมไทย ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไปว่า พรรคร่วมรัฐบาลรวมเสียงกันได้ทั้งหมด 312 เสียง โดยพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด คือ พรรคก้าวไกล จึงได้มีมติร่วมกันให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เปิด 10 อันดับข่าวปลอม “หลอกทำใบขับขี่-ชวนลงทุน” คนสนใจมากสุดในโซเชียล
ขยายเวลาการให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษ (ฉลองรัช) 10 บาทถึงสิ้นปี
ซึ่งเป็นหน้าที่ของอีก 8 พรรคการเมืองจะต้องช่วยกันสนับสนุนให้ นายพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า การโหวตครั้งที่แล้ว มี ส.ว. ลงคะแนนเพียง 13 คน ยังขาดอยู่ 52 เสียง ส่วน ส.ว. คนที่เคยรับปากว่าจะลงคะแนนให้ กลับงดออกเสียงอีก ซึ่งสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา แต่ในเวลานี้ก็มีการเจรจาเพิ่มเติม เพื่อผลักดันให้ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ แต่ตนเองก็รู้สึกหนักใจแทน ถ้าหากโหวตไม่ผ่านอีก นายพิธา จะสู้ต่อไปหรือไม่ ถ้าสู้ต่อ 8 พรรคการเมืองก็คงจะโหวตให้ แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็คงต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
แต่ถ้า ส.ส.ฝั่งตรงข้าม หรือ ส.ว.ยังติดเงื่อนไขว่า ไม่เอาพรรคก้าวไกลมาร่วมด้วย ก็จะไม่ผ่านเหมือนเดิม ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทย และก้าวไกล ต้องตกลงกันเองว่า จะเอาอย่างไร ซึ่งเรามีความคิด แต่ไม่สามารถจัดการอะไรได้ เป็นเรื่องของทั้ง 2 พรรคที่จะต้องคุยกัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เชื่อว่า ในที่สุดเพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ ก้าวไกลคงต้องเสียสละออกไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้เพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลไปตามที่ประชาชนต้องการ การจัดตั้งรัฐบาลก็จะราบรื่นมากขึ้น อาจไปดึงพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอื่นๆ เพื่อให้มีเสียงรวมกันเกิน 376 เสียง เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคก้าวไกล ยอมเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ต้องสนับสนุนเพื่อไทยด้วยไปเป็นรัฐบาล เราต้องเอาใจกันไว้ เผื่อวันข้างหน้าจะสนับสนุนตอบแทนซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรเสียหาย ต้องทนอีกหน่อย อีกไม่นาน ถ้าเลือกใครไม่ได้ก็เลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นนายกฯ คนนอกก็ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 เปิดช่องให้เสนอนายกฯ คนนอกได้
ส่วนกรณีพรรคก้าวไกล ยื่นเสนอปิดสวิตช์ ส.ว.โดยการแก้ไขมาตรา 272 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า ไม่สามารถทำได้ ตลอดที่ผ่านมา 4 ปีในสมัยประชุมที่แล้ว ครั้งนี้จะทำสำเร็จได้อย่างไร ถ้าเอาหัวกระแทกกำแพง กำแพงจะพังได้อย่างไร มีแต่หัวเราที่จะพัง ควรหาวิธีการใหม่ไปสู่ความสำเร็จ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย แต่ก็แล้วแต่เขา
อย่างไรก็ตาม การเสนอแก้ไขมาตรา 272 อาจจะเกิดคำถามจากประชาชนว่า เหตุใดไม่ดำเนินการแก้ปัญหาประชาชนตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่กลับมาแก้ปัญหาให้กับตัวเอง มองไม่เหมาะ ขอฝากพรรคที่คิดจะแก้ไขให้คิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อย่าไปคิดถึงประโยชน์ของตัวเองมากนัก