จากกรณีอินเดียและจีน สองมหาอำนาจในเอเชีย กำลังแย่งชิงอิทธิพลในมัลดีฟส์ ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย โดยอินเดียพยายามแสดงอิทธิพลเหนือมัลดีฟส์มานานแล้ว เนื่องจากตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ ที่เปรียบเสมือนหลังบ้านของตัวเอง ช่วยให้อินเดียเฝ้าระวังบริเวณที่สำคัญของมหาสมุทรอินเดียได้ ส่วนจีนก็ต้องการขยายอิทธิพลทางการค้าในภูมิภาคนี้ และเชื่อมต่อไปยังตะวันออกกลาง
ความสัมพันธ์ยังคงตึงเครียด มัลดีฟส์แจ้งอินเดียถอนกำลังทหารออก
ชาวอินเดียแห่แบนท่องเที่ยวมัลดีฟส์ หลังจนท.รัฐวิจารณ์-ล้อเลียน “โมดี”
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและมัลดีฟส์ เริ่มทวีความตึงเครียดมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากนายโมฮาเหม็ด มูอิซซู ซึ่งถูกมองว่ามีแนวคิดฝักใฝ่จีนและต่อต้านอินเดีย ชนะการเลือกตั้งและก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของมัลดีฟส์ เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
โดยมัลดีฟส์และจีนได้ยกระดับความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน เมื่อเดือนม.ค. ระหว่างที่ประธานาธิบดีมูอิซซูเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนายมูอิซซูกลับมาจากจีนได้เพียงวันเดียว สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ก็ประกาศให้บุคลากรทางทหารของอินเดียที่ประจำการอยู่ในมัลดีฟส์ถอนกำลังออกไปภายในวันที่ 15 มี.ค.นี้
การให้อินเดียถอนกำลังทหารออกไปเป็นหนึ่งในคำสัญญาที่นายมูอิซซูได้ให้ไว้ระหว่างหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง การถอนกำลังจะดำเนินการเป็นเฟสๆ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และต้องเสร็จสิ้นภายในเดือน พ.ค.
อินเดียมีทหารประจำการในมัลดีฟส์ 80 นาย โดยทางการอินเดียระบุว่า บุคลากรทางทหารของตนประจำการอยู่ในมัลดีฟส์ เพื่อบำรุงรักษาและใช้งานเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยและเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ 2 ลำ และเครื่องบินเล็กอีก 1 ลำ ให้บริจาคให้มัลดีฟส์เมื่อหลายปีก่อน
ทั้งนี้ มัลดีฟส์ตกลงให้อินเดียส่งเจ้าหน้าที่เทคนิคที่เป็นพลเรือนเข้ามาปฏิบัติงานแทนทหารได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดแรกเดินทางมาถึงแล้ว โดยหลายฝ่ายมองว่า เป็นการพยายามประนีประนอมของนายมูอิซซู แต่สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
มาดูทางฝั่งจีนกันบ้าง จีนได้ให้เงินกู้แก่มัลดีฟส์มากกว่าพันล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน
ล่าสุด เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลมัลดีฟส์ได้ลงนามข้อตกลง “การรับความช่วยเหลือทางทหาร” กับจีน โดยกระทรวงกลาโหมมัลดีฟส์ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าว “ไม่มีค่าใช้จ่าย” ขณะที่ประธานาธิบดีมูอิซซูระบุว่า จีนจะสนับสนุนอาวุธโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงฝึกกองกำลังความมั่นคงของมัลดีฟส์
อาซิม ซาฮีร์ (Azim Zahir) นักวิเคราะห์การเมืองชาวมัลดีฟส์ บอกกับสำนักข่าวบีบีซีว่า “นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่มัลดีฟส์ลงนามข้อตกลงด้านกลาโหมกับจีนเพื่อรับความช่วยเหลือทางทหาร ชาวมัลดีฟส์รู้ว่า นายมูอิซซูจะสานสัมพันธ์กับจีนมากขึ้นในแง่การลงทุน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาไกลถึงเพียงนี้”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธว่า ไม่มีแผนการทางทหารในระยะยาวในมัลดีฟส์ ดร.หลง ซิงชุน ประธานสถาบันวิจัยอิสระ Chengdu Institute of World Affairs มองว่า เรื่องนี้เป็นความสัมพันธ์ปกติระหว่างสองประเทศ หากจีนต้องการมีกองกำลังในมหาสมุทรอินเดียจริงๆ ก็อาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่ามัลดีฟส์
แม้จีนจะยืนยันว่าไม่มีแผนทางทหารระยะยาว แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า จีนไม่รีรอที่จะฉวยโอกาสแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนของมัลดีฟส์ ที่นำโดยอดีตประธานาธิบดีอิบราฮิม โมฮาเหม็ด โซลี (Ibrahim Mohamed Solih) นั้น มีแนวทาง “ให้ความสำคัญกับอินเดียก่อน”
ในช่วงที่หาเสียงเลือกตั้ง นายมูอิซซูเคยกล่าวหารัฐบาลมัลดีฟส์ชุดก่อนว่า ไม่เปิดเผยเนื้อหาข้อตกลงกับอินเดีย แต่ตอนนี้ตัวเองก็กำลังเผชิญกับเสียงวิจารณ์คล้ายๆ กันคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
เดือนที่แล้ว รัฐบาลของนายมูอิซซูอนุญาตให้เรือวิจัยของจีนลำหนึ่งจอดเทียบท่าที่กรุงมาเล เมืองหลวง แม้ว่าอินเดียจะคัดค้าน โดยมัลดีฟส์อ้างว่าเป็นการแวะเพื่อผลัดหมุนเวียนบุคลากรและเติมเสบียง
แต่ผู้เชี่ยวชาญอินเดียหลายคนก็ยังเคลือบแคลง โดยกลัวว่าอาจเป็นภารกิจเก็บข้อมูลให้กองทัพจีนนำไปใช้ในปฏิบัติการใต้น้ำภายหลังได้
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ระหองระแหง อินเดียก็เตรียมเปิดฐานทัพเรือแห่งใหม่ในหมู่เกาะลักษทวีป นอกชายฝั่งรัฐเกรละ (เก-ระ-ละ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ ใกล้กับมัลดีฟส์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อยกระดับปฏิบัติการต่อต้านโจรสลัดและยาเสพติดในทะเลอาหรับตะวันตก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายคนจะมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนของอินเดียไปทางมัลดีฟส์ แต่ผู้เชี่ยวชาญในอินเดียเองก็เชื่อว่า การเปิดฐานทัพเรือแห่งใหม่ไม่ได้เป็นการตอบโต้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะเป็นโครงการที่ดำเนินการมานานแล้ว
ท่าทีต่อต้านอินเดียของประธานาธิบดีมูอิซซูทำให้ประชาชนในมัลดีฟส์จำนวนไม่น้อยรู้สึกกังวลเช่นกัน เพราะมัลดีฟส์ต้องพึ่งพาอินเดียในการนำเข้าสินค้าจำเป็น เวชภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ หลังการระบาดของโควิด-19 มัลดีฟส์ยังมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
แต่สิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป หลังจากเกิดกรณีอื้อฉาวไม่นานมานี้ ที่เจ้าหน้าที่มัลดีฟส์ไปแสดงความเห็นไม่เหมาะสมเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ชาวอินเดียบอยคอตต์ไม่ไปเที่ยวมัลดีฟส์
นอกจากนี้ ตอนที่นายมูอิซซูเยือนปักกิ่ง ก็มีรายงานว่าเขาได้ขอให้ทางการจีนส่งนักท่องเที่ยวมามากขึ้น เพื่อกลับมาครองอันดับหนึ่งเหมือนก่อนช่วงก่อนที่โควิดจะระบาด
ซึ่งหลังจากนั้น นักท่องเที่ยวจีนก็เริ่มมาเที่ยวมัลดีฟส์กันเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ระบุว่า ในจำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังมัลดีฟส์เกือบ 4 แสนคน ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ 13 เปอร์เซ็นต์มาจากจีน ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียหล่นไปอยู่อันดับ 5
หลายฝ่ายคาดว่านายมูอิซซูจะมีวาทกรรมออกมามากขึ้น ยิ่งการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในวันที่ 21 เม.ย. เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซึ่งเขาหวังว่าพรรคของเขาจะได้เสียงข้างมากในสภา