จากกรณีที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มตลาดที่มีผลประกอบการต่ำที่สุดและตลาดมีมูลค่าลดลงมากถึง 20% แล้วในปีนี้ ล่าสุดดัชนีหุ้นไทย SET เวลา 13.28 น.ของวันที่ 13 ธ.ค.66 ดัชนีลดลงแล้ว 14.84 จุด ดัชนี SET อยู่ที่ 1,359.08 จุด ลดลง 1.08% และทำดัชนีต่ำสุดในรอบ 3 ปี มีความเสี่ยงที่จะปิดสิ้นปี 66 ด้วยการเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี”
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ให้สัมภาษณ์สั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ภายหลังงาน Dailynews Talk 2023 ว่า รัฐบาลจะยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ขณะที่มุมมองของนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นไทยมากน้อยแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องสอบถามตัวนักลงทุนว่ามองอย่างไร
ขณะที่ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงค่อนข้างมาก มองว่าเป็นแค่ระยะสั้น เชื่อว่าปลายปีจะมีแรงฟื้นกลับมาได้บ้าง แต่ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม 3 เรื่อง คือ เรื่องสงครามระหว่างประเทศ, เรื่องจีนที่มีทั้งเศรษฐกิจจีนและภาคอสังหาฯ จีนไม่ดี และเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังปี 67คำพูดจาก เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด
“ปัจจัยในเอเชียยังมีแรงกดดันเยอะ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะทำให้ผลประกอบการในหลายบริษัทไม่ดี ส่งออกก็มีปัญหาในเรื่องนี้ เราส่งออกไม่ได้ มองภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะแรงขึ้นในปีหน้า จีนปัญหายังไม่จบ เศรษฐกิจไม่โต อสังหาริมทรัพย์ของเขาทำให้ไปต่อยาก เป็น Sentiment ที่ไม่ดี ขณะที่ไทยเองกำลังได้รับแรงกดดัน เมื่อถึงจุดนี้ต้องถามว่า จะไปอย่างไร เพราะปัจจัยพวกนี้คงไม่จบง่าย ตลาดทุนต้องปรับตัวอีกระยะหนึ่ง”
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำคือการสร้าง Fundamental หรือปัจจัยพื้นฐานที่ใช่ให้กับตลาด เพราะสุดท้าย คนจะมาลงทุนจะต้องเลือกหุ้นที่ใช่ โอกาสในอนาคตที่ใช่ โดยมองว่าพื้นฐานของไทยในระยะยาวยังดี หุ้นที่ตกลงมาเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยในอนาคตมองว่า เศรษฐกิจปี 67 ยังขยายตัวได้ดี การลงทุนจะกลับมา ดังนั้นจึงมองว่า ผลประกอบการ กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตได้ในปี 67 ราคาหุ้นของแต่ละตัวน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ตามไปด้วยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในส่วนของความกังวลหุ้นกู้ในปี 67 เชื่อว่าธนาคารแต่ละแห่งที่ดูแลหุ้นกู้คงมีความช่วยเหลือหากเกิดปัญหา แต่มั่นใจหุ้นกู้ขนาดใหญ่กับขนาดเล็กจะไม่เกิดปัญหา อาจเกิดปัญหากับหุ้นกู้ขนาดปานกลางและมีประชาชนเข้าถือค่อนข้างมาก โดยต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้หุ้นกู้ที่ออกมาได้รับการตรวจสอบและดูแลอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้จากกรณีปัญหาที่เกิดกับหุ้นหลายตัว บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) หรือ ล่าสุด บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ต้องกลับมาทบทวนและต้องเข้มงวดอย่างไร เหมือนกับหุ้นตัวเล็กที่เป็นแหล่งของการปั่น และจะพยายามคิดว่าจะหาหุ้นใหม่ที่มีความน่าสนใจได้อย่างไร
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองสนับสนุนการจัดตั้งกระดานเทรดใหม่ที่เป็นการซื้อขายด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังพิจารณาถึงการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เพิ่มกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลนี้เข้ามาเพื่อให้ครบทุกสินทรัพย์และเกิดความเข้มแข็งให้กับตลาดทุนไทย